วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๔๑/๒๕๔๘

ประเด็นปัญหา การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดิน หรือปฏิเสธการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดินเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ หรือเป็นการละเลยไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ล่าช้าหรือไม่ มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ศาลฎีกา และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ดังนี้ 
  ในการเดินสำรวจรังวัดที่ดินพิพาทเพื่อออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี ปรากฏว่าผู้แทนราชพัสดุจังหวัด และผู้แทนกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนได้มาระวังแนวเขตที่ดิน แต่ไม่ได้รับรองแนวเขต และไม่ได้คัดค้านแนวเขต จึงถือว่ายังไม่มีกรณีโต้แย้งแนวเขตที่ดิน
เจ้าพนักงานที่ดินจึงต้องดำเนินการตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินต่อไป กล่าวคือ ต้องออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้นำเดินสำรวจหากที่ดินนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินได้ ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (.๒๕๓๗ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน .๒๔๙๗ โดยก่อนแจกโฉนดที่ดินให้ทำการประกาศมีกำหนดสามสิบวันเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้าน หากมีผู้โต้แย้งคัดค้านภายในกำหนดเวลาให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานที่ดินทำการสอบสวนเปรียบเทียบถ้าตกลงกันได้ให้ดำเนินการตามที่ตกลงหากตกลงกันไม่ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรเมื่อที่ดินของผู้ฟ้องคดีได้สำรวจรังวัดทำแผนที่และพิสูจน์สอบสวนการทำประโยชน์และได้มีการประกาศแจกโฉนดที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดครบสามสิบวันไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน แต่เจ้าพนักงานที่ดิน (ผู้ถูกฟ้องคดี)ยังไม่ออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีโดยให้รอการออกโฉนดที่ดินไว้ก่อนจนกว่าคดีที่ผู้ฟ้องคดีฟ้อง ราชพัสดุจังหวัดกับพวกต่อศาลยุติธรรมจะถึงที่สุด จึงเป็นการไม่ชอบด้วยเหตุผลและกฎหมาย แม้ต่อมาราชพัสดุจังหวัดจะมีหนังสือคัดค้านออกโฉนดที่ดินพิพาทก็เป็นการคัดค้านภายหลังประกาศครบกำหนดแล้วการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการอย่างใดตามอำนาจหน้าที่เพื่อออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีทั้งที่ผู้ฟ้องคดีมีคำร้องขอจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรตามมาตรา  วรรคหนึ่ง (แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง .๒๕๔๒ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น